Questo fenomeno si osserva in quant

Questo fenomeno si osserva in quanto gli elettroni presenti nel livello orbitalico fondamentale passano, per azione di una fonte eccitatrice, che può essere ad esempio un fotone, ad un livello superiore di singoletto (molteplicità spettrale unitaria, presenza di elettroni appaiati). Successivamente, oltre ad altri fenomeni di decadimento non radiativo, il ritorno allo stato fondamentale stabile con emissione raggiante può avvenire essenzialmente con due modalità: una conversione singoletto-singoletto o, alternativamente, un passaggio ad una configurazione quantomeccanica di tipo tripletto (molteplicità spettrale tre, presenza di due elettroni spaiati) e il successivo decadimento allo stato fondamentale di singoletto (incrocio intersistema).

Nel primo caso si ha emissione raggiante fluorescente mentre nel secondo si verifica il fenomeno dell'emissione fosforescente. Oltre alla già descritta differenza fondamentale esistente tra i due fenomeni luminescenti, è da notare che il decadimento che produce fosforescenza è temporalmente più lungo (10-3 s contro 10-9 - 10-12 s) di quello implicante la fluorescenza: la fosforescenza segue con un certo ritardo l'eccitazione e si protrae anche qualche minuto oltre. Questa lentezza è dovuta al fatto che la transizione da tripletto a singoletto è teoricamente proibita dalle regole di selezione, implicando una variazione della molteplicità di spin. Tale apparente contraddizione è giustificata dall'interazione spin-orbita.

La radiazione emergente risulta essere meno energetica, quindi caratterizzata da una lunghezza d'onda maggiore, in quanto durante il processo di de-eccitazione, parte dell'energia viene utilizzata per ristabilire lo stato di singoletto, altra viene persa durante il passaggio dell'elettrone nei sottolivelli vibrazionali dello stato eccitato.

La diminuzione di temperatura ostacola i processi di rilassamento competitivi (quenching) e porta ad un aumento della resa quantica fosforescente, resa Φ definita dall'equazione Φ = ΦF/ΦA dove ΦF e ΦA sono, rispettivamente, i quanti di radiazione emessa ed assorbita.

In pratica è possibile produrre fosforescenza da sostanze che in condizioni normali non sono fosforescenti lavorando alla temperatura dell'azoto liquido.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปรากฏการณ์นี้จะสังเกตอิเล็กตรอนอยู่ในระดับ โดยการดำเนินการของใบสั่งโคจรผ่านหลักแหล่ง Exciter ซึ่งอาจเป็นตัวอย่างโฟตอน ให้เสื้อกล้าม (มากมายหลายหลากที่สเปกตรัมโดยรวม ก็จัดเป็นคู่อิเล็กตรอน) ในระดับที่สูงขึ้น ในเวลาต่อมา นอกจากปรากฏการณ์อื่น ๆ ผุไม่ radiative กลับไปยังสถานะพื้นมีเสถียรภาพ มีเล็ดรอดสดใสสามารถใช้สถานที่หลักในสองวิธี: การแปลงเสื้อกล้ามเสื้อกล้ามหรือ หรือ ผุตามมาไปยังสถานะพื้นของเสื้อกล้าม (ทำงานร่วมกันข้าม) และการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าคอนฟิกชนิด triplet ควอนตัม (มากมายหลายหลากสเปกตรัมสาม สถานะของอิเล็กตรอน unpaired สอง)ในกรณีแรก ได้ปล่อยก๊าซเรืองแสงอย่างเบิกบานในขณะที่ปรากฏการณ์ปล่อยก๊าซสองเกิด phosphorescent นอกจากอธิบายไว้แล้วมีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างปรากฏการณ์ luminescent สอง เป็นที่น่าสังเกตว่าผุที่ผลิต phosphorescence temporally ยาว (10-10-9-3 10-12 s v s) กว่า fluorescence เกี่ยวข้องกับหนึ่ง: phosphorescence ตาม ด้วยความล่าช้าบางที่นี่ และเวลาห่างกันได้ไม่กี่นาที Slowness นี้ได้เนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่าเปลี่ยนแปลงจาก triplet เสื้อกล้ามครั้งแรกราคาถูกห้าม โดยกฎของการเลือก หน้าที่การดัดแปลงมากมายหลายหลาก ความขัดแย้งนี้ปรากฏเป็นธรรม โดยการโต้ตอบที่หมุนรอบวงโคจรเกิดขึ้นรังสีเปิดออกจะมีพลังน้อย แล้วโดยความยาวคลื่นยาว เนื่องจากในระหว่างกระบวนการในการกระตุ้นชื่น ส่วนหนึ่งของพลังงานถูกใช้เพื่อคืนค่าสถานะเสื้อกล้าม อีกหายระหว่างเส้นทางของอิเล็กตรอนในระดับย่อย vibrational ของรัฐตื่นเต้นHampers การลดลงของอุณหภูมิเป็นกระบวนการชุบแข่งขัน และนำไปสู่การเพิ่มผลผลิต phosphorescent ควอนตัม อัตราผลตอบแทนΦΦ = ΦF สมการ กำหนด/ΦA ΦF และ ΦA ตามลำดับ quanta แผ่รังสีออกมา และดูดซึมในทางปฏิบัติ จำเป็นต้องผลิต phosphorescence จากสารที่สภาวะปกติไม่มีเครื่องหมายทำงานที่อุณหภูมิไนโตรเจนเหลว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ปรากฏการณ์นี้เป็นที่สังเกตเพราะอิเล็กตรอนในชั้นที่ orbitalico ผ่านขั้นพื้นฐานโดยการกระทำของเร้าแหล่งที่มาซึ่งอาจจะเป็นเช่นโฟตอนในระดับที่สูงขึ้นเสื้อกล้าม (หลายหลากสเปกตรัมรวมการปรากฏตัวของอิเล็กตรอนคู่) ต่อจากนั้นนอกเหนือไปจากปรากฏการณ์อื่น ๆ ของการสลายตัวที่ไม่ใช่รังสีกลับไปสภาพพื้นดินที่มั่นคงกับการปล่อยสดใสสามารถเป็นหลักในสองวิธีการแปลงเสื้อกล้าม-เสื้อกล้ามหรือหรือการเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าของแฝดประเภทควอนตัม (สามหลายหลากสเปกตรัม การปรากฏตัวของสองอิเล็กตรอน unpaired) และการสลายตัวที่ตามมากับพื้นรัฐเสื้อกล้าม (Intersystem ข้าม). ในกรณีแรกที่มีการปล่อยก๊าซเรืองแสงกระจ่างใสในขณะที่หลังเกิดปรากฏการณ์เรืองแสงปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ก่อนหน้านี้ที่อธิบายความแตกต่างพื้นฐานระหว่างสองปรากฏการณ์เรืองแสงมันเป็นที่น่าสังเกตว่าการสลายตัวที่ผลิตฟอสฟอรัสเป็นชั่วคราวอีกต่อไป (s 10-3 กับ 10-9 - 10-12 s) หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเรืองแสงที่: ฟอสฟอรัสดังต่อไปนี้ ที่มีความล่าช้าและความตื่นเต้นเป็นเวลาเกินเวลาหลายนาที ช้าเพราะนี่คือความจริงที่ว่าเปลี่ยนจากเสื้อกล้ามแฝดจะเป็นสิ่งต้องห้ามในทางทฤษฎีตามกฎเลือกหมายความเปลี่ยนแปลงในหลายหลากสปิน นี้ขัดแย้งเป็นธรรมโดยการทำงานร่วมกันปั่นวงโคจร. รังสีที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าพลังงานน้อยโดดเด่นแล้วโดยความยาวคลื่นมากขึ้นเนื่องจากในระหว่างขั้นตอนของ-กระตุ้นพลังงานที่ใช้ในการเรียกคืนรัฐ เสื้อกล้าม, อื่น ๆ จะหายไปในระหว่างทางเดินของอิเล็กตรอนใน sublevels การสั่นของรัฐตื่นเต้นที่. ลดลงอุณหภูมิเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการการผ่อนคลายการแข่งขัน (ดับ) และนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนที่ควอนตัมเรืองแสงดังกล่าวΦอัตราผลตอบแทนที่กำหนดโดยΦสมการ = ΦF / ΦAที่ΦFและΦAเป็นตามลำดับควอนตั้มของรังสีที่ปล่อยออกมาและดูดซึม. ในทางปฏิบัติมันเป็นไปได้ในการผลิตจากสารฟอสฟอรัสว่าภายใต้สภาวะปกติไม่ได้เรืองแสงการทำงานที่อุณหภูมิไนโตรเจนเหลว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเนื่องจากอิเล็กตรอนที่มีอยู่ในระดับพื้นฐานผ่าน orbital รัฐโดยการดำเนินการของแหล่งที่มาการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าที่สามารถยกตัวอย่างเช่นมีโฟโตเซลล์โฟตอนและอยู่ในระดับที่สูงกว่าของเสื้อกล้าม ( ความยาวคลื่นความซับซ้อนของอิเล็กตรอนการแสดงตนให้เป็นชิ้นเดียวกันจับคู่ ) ในภายหลังนอกจากจะปรากฎการณ์อื่นๆของตัวแปรที่ไม่ใช่การผุการกลับไปที่สถานะขั้นพื้นฐานที่มีเสถียรภาพด้วยการปล่อยไอเสียที่เปล่งปลั่งอาจเกิดขึ้นโดยสาระแล้วเป็นการในสองโหมด : การแปลงแบบเสื้อกล้ามเสื้อกล้ามหรืออีกทางหนึ่งในการตั้งค่าผ่านทางกลไกของประเภทวิธีการควอนตัม ( ความยาวคลื่นความซับซ้อน 3 Mega Triplet , สถานะของการจับคู่สอง ) และผลที่ตามมาคือการประจุอิเล็กตรอนที่ผุกับปัจจัยพื้นฐานของรัฐ ( intersystem ข้ามของเสื้อกล้าม . .

ในกรณีแรกเรามีการปล่อยรังสีแสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ในขณะที่อยู่ในช่วงของการเกิดปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่สองของการยิงที่ส่องแสงวาวอย่างฟอสฟอรัส นอกจากความแตกต่างเบื้องต้นตามที่อธิบายไว้แล้วซึ่งมีอยู่ระหว่างสองปรากฎการณ์ที่มีหลอดไฟ Xenon และควรบันทึกไว้ด้วยว่าการผุที่ผลิตและส่องแสงวาวอย่างฟอสฟอรัสอีกต่อไป ( 10-3 s ชั่วคราวโดยเทียบกับ 10-9 - 10 - 12 วินาที ) มากกว่าการมีส่วนร่วมการเรืองแสง :ส่องแสงวาวอย่างฟอสฟอรัสที่ตามด้วยการหน่วงเวลาการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าและใช้งานได้ยาวนานแม้จะใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาทีเช่นกัน ไม่ใคร่ ( โกรธ ) ง่ายๆนี้เกิดจากข้อเท็จจริงที่ว่าการเปลี่ยนผ่านจากทั้งสามในทางทฤษฎีที่ต้องห้ามตามเสื้อและกฎการเลือกรูปแบบต่างๆที่ส่อถึงความหลากหลายของการหมุน มีความขัดแย้งกันอย่างชัดเจนนี้เหตุผลโดยการโต้ตอบแบบหมุนของ Orbit

การแผ่รังสีที่ได้รับการพิสูจน์ว่าเกิดใหม่ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาน้อยกว่าดังนั้นจึงมีการสร้างอัตลักษณ์ขึ้นมาโดยความยาวคลื่นสูงตามที่ได้ในระหว่างกระบวนการของการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าแบบ de ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประหยัดพลังงานจะถูกนำมาใช้ในการคืนค่าสถานะการใช้งานอื่นเป็นเสื้อที่หายไปในระหว่างการผ่านของอิเลคตรอนในระดับย่อยของความตื่นเต้นและปรับสมดุลย์รัฐ

รายการดรอปดาวน์ในการขัดขวางการกระบวนการเพื่อการผ่อนคลายที่อุณหภูมิ ( ทุกข์ ) ในการแข่งขันและเป็นทางนำไปสู่การเพิ่มขึ้นในผลผลิตที่ส่องแสงวาวอย่างฟอสฟอรัส , ผลผลิตควอนตัม Φ สมการที่ได้กำหนดไว้โดย Φ = ΦF ΦF ΦΑ ( สถานที่ซึ่งจะมีให้ตามลำดับ ΦΑ และจำนวนของที่แผ่ออกมาและถูกดูดซึมได้

ในทางปฏิบัติแล้วมีความเป็นไปได้ในการผลิตจากสารที่ส่องแสงวาวอย่างฟอสฟอรัสในสภาพปกติจะไม่ส่องแสงวาวอย่างฟอสฟอรัสที่ทำงานในอุณหภูมิของไนโตรเจนเหลว